เกร็ดความรู้
การเลือกซื้อเพชร
[23 พฤษภาคม 2555 14:52 น.]จำนวนผู้เข้าชม 13202 คน
          จากประสบการณ์ที่ทางร้านได้สัมผัสจริงกับลูกค้าโดยตรง และมักพบอยู่เป็นประจำคือ  เวลาที่ลูกค้าจะเลือกซื้อเพชรสักเม็ดหรือ
เครื่องประดับสักชิ้นหนึ่ง จะมีคำถามนำว่า “เพชรเม็ดนี้น้ำอะไรคะ” ซึ่งก็เป็นข้อดีในการซักถามรายละเอียดของสินค้าชิ้นนั้นๆก่อนที่จะเลือกซื้อสินค้า แต่หลายๆครั้งผู้ซื้อมักให้ความสำคัญกับน้ำเพชร(color หรือสีของเพชร)เป็นหลัก มิหนำซ้ำผู้ซื้อบางท่านอาจเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งเกิดจากการได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ละเอียดพอนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น “น้ำเพชร” ที่เราเรียกกันติดปากนั้นในอดีตความหมายของคนรุ่นคุณพ่อคุณแม่เราที่ใช้ถ้อยคำว่า “เพชรเม็ดนี้น้ำดีจริงๆ” ก็คือ เพชรเม็ดนั้นมีการกระจายแสงที่ดีหรือเพชรเม็ดนั้นมีประกายไฟระยิบระยับมากกว่าเม็ดอื่นๆ และในความเป็นจริงการกระจายแสงที่ดี ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของเม็ดเพชรที่ได้ผ่านการเจียระไน(cutting)มาอย่างดีประกอบกับขนาดและลักษณะของตำหนิ(clarity)ในเพชรเม็ดนั้นๆด้วย ส่วนน้ำเพชรที่คนรุ่นเราๆใช้เรียกกันในปัจจุบันนั้นแทนสีของเพชร (color) ซึ่งบ่งบอกถึงความขาวของเพชร และเพื่อให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น จึงมีการเปรียบเทียบระดับของสีเป็นเปอร์เซ็นต์(%)กับตัวอักษรภาษาอังกฤษ เช่น น้ำ97% = G color (ดูรายละเอียดจากย่อหน้า color) เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เองเปอร์เซ็นต์น้ำเพชรยิ่งสูงเพชรจะมีความขาวมากขึ้นเท่านั้น มิใช่ว่าเปอร์เซ็นต์น้ำยิ่งสูงแล้วเพชรจะเล่นไฟ หรือมีการกระจายแสง(sparkling)มากขึ้นตามไปด้วย เพราะฉะนั้นวิธีการเลือกซื้อเพชรจึงไม่ควรให้ความสำคัญกับสี (color) ของเพชรอย่างเดียวมากเกินไป จนละเลยองค์ประกอบอื่นๆที่สำคัญ อาทิเช่น ตำหนิหรือมลทิน (clarity) การเจียระไน (cutting) และน้ำหนัก (carat) เพราะทุกองค์ประกอบเป็นปัจจัยที่ส่งผลถึงการผันผวนของราคาเพชรแต่ละเม็ดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เราควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานรวมทั้ง 4 ปัจจัย หรือที่เราเรียกว่า 4C’S ได้แก่ clarity, cutting, color, และ carat โดยจะอธิบายรายละเอียดของหลักการไว้พอสังเขปดังนี้


Clarity (ความสะอาด)
         เป็นปัจจัยสำคัญมากอันดับต้นๆ ในการใช้พิจารณาประเมินคุณค่าและราคาของเพชร ซึ่งโดยปกติเพชรธรรมชาติจะมีตำหนิมาก
น้อยแตกต่างกันไปตามคุณลักษณะของเพชรแต่ละเม็ด ดังนั้นจึงทำให้เพชรที่มีความบริสุทธิ์ปราศจากมลทินเป็นเพชรที่หายากและมีราคาสูงมากกว่าเพชรที่มีตำหนิ
         การจัดระดับความสะอาดของเพชร ทำได้ด้วยการใช้กล้องขยายขนาด 10 เท่า ในการตรวจสอบโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจ-
สอบระดับความบริสุทธิ์และความสะอาดของเพชรสามารถแบ่งระดับได้ดังนี้

FL : Flawless ไร้ตำหนิทั้งภายนอกและภายใน
IF : Internally Flawless เพชรที่ไร้ตำหนิภายใน
VVS1– VVS2 (Very Very Slightly Included)
       เป็นเพชรที่มีตำหนิมลทินขนาดเล็กมาก และมองเห็นได้ยากมาก ซึ่งจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
 
      
ด้วยกล้องขยายขนาด 10 เท่า และไม่สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่า
VS1 – VS2 (Very Slightly Included)
      เป็นตำหนิที่มีขนาดเล็ก และมองเห็นได้ยาก แต่ก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากกว่าระดับ
      VVS1 – VVS2 แต่ก็ยังไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า 
SI1 – SI2 (Slightly Included)
      เป็นระดับตำหนิในเพชรที่มีความเล็ก ที่สามารถมองเห็นได้ง่ายด้วยกล้องขยายขนาด 10 เท่า
      และสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
I1 – I2 – I3 (Imperfect)
      เป็นระดับตำหนิในเพชรที่มองเห็นได้ง่ายด้วยตาเปล่า และมีตำหนิเยอะมาก ซึ่งบางครั้งตำหนิจำนวน
      มากพวกนี้จะทำให้เพชรขาดความสวยงาม

Carat (น้ำหนัก)
           คือ หน่วยวัดขนาดของเพชร  ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการประเมินคุณต่าของเพชร  เราใช้การเรียกขนาดของเพชรเป็น
“กะรัต” เพชร 1 กะรัต เท่ากับ 0.2 กรัม หรือที่เราเรียกว่า 100 สตางค์ ดังนั้นเพชรที่มีขนาด 0.10 กะรัต, 0.20 กะรัต และ 0.30 กะรัต จะเรียกว่า ขนาด 10 สตางค์, 20 สตางค์, 30 สตางค์ ตามลำดับ เพชรที่มีขนาดใหญ่ จะยิ่งเป็นเพชรที่หายาก และจะยิ่งมีคุณค่าและมูลค่าสูง ถึงแม้ว่าน้ำหนักและขนาดของเพชรจะเป็นปัจจัยที่สำคัญ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอไป เพราะถ้าเพชรเม็ดนั้นมีตำหนิขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนและสีไม่ขาวใส  คุณค่าของเพชรก็จะลดลงทันที

Cutting (การเจียระไน)
 


         การเจียระไน ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อเพชร และมีผลต่อความสวยงามของเพชรแต่ละเม็ดมาก
เพชรที่มีการเจียระไนที่ดี จะต้องไม่บางหรือหนาเกินไป หน้าเพชรไม่เล็กหรือกว้างเกินไปจะมีสัดส่วนที่สวยงามและมีความสมมาตร หรือที่เราเรียกว่า Ideal cut จะเป็นเพชรที่มีการกระจายแสงและสะท้อนแสงที่ดี ทำให้แสงที่ตกกระทบลงสู่เพชร สามารถสะท้อนกลับมาได้อย่างเต็มที่ มีประกายแวววาวเป็นที่สะดุดตามาก
 
Color (สี)

         เพชรมีหลายสี ซึ่งแต่ละสีก็มีความโดดเด่นสวยสะดุดตาต่างกัน เช่น สีขาว, สีเหลือง, สีชมพู, สีฟ้า, สีแดง, สีน้ำตาล เป็นต้น
แต่สีขาวถึงสีเหลืองเป็นสีที่พบมากที่สุดและนิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับมากที่สุด เพราะสื่อถึงความหมายที่ดีนั่นคือ ความบริสุทธิ์
         การเทียบสีของเพชรจะใช้กับเพชรสีขาวไปจนถึงสีเหลือง สีขาวที่สุดเราจะแทนค่าด้วยตัว“D”หรือที่เรียกว่า น้ำ D color = 100
รองลงมาคือ E = 99, F = 98, G = 97, H = 96, I = 95, J = 94, K = 93, L = 92 ไปจนถึง Z และจาก Z ลงไปจะจัดให้เป็นเพชร fancy
        สีของเพชรเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการกำหนดราคาของเพชร เพชรยิ่งมีสีขาวใสไร้สีจะมีมูลค่าสูงมาก  แต่ถึงอย่างไรการเลือกซื้อ -
เพชรก็ต้องพิจารณาประกอบกับปัจจัยอื่นๆด้วยไม่ว่าจะเป็น  Clarity, Cutting, Carat เพราะถ้าเพชรมีสีขาวมาก แต่มีตำหนิซึ่งเห็นได้ชัดเจน และเหลี่ยมการเจียระไนไม่สวย เช่น หนามากไปหรืบางเกินไป จะทำให้คุณค่าของเพชรลดลงไปทันที ดังนั้นเวลาเลือกซื้อเพชรไม่ควรจะพิจารณาสีของเพชรแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ควรจะพิจารณาประกอบกับหลายๆปัจจัย

เกร็ดความรู้
- เทคนิคการเลือกต่างหูให้เหมาะสมกับรูปหน้า [23 พฤษภาคม 2555 14:52 น.]
- วิธีการดูแลรักษาเครื่องประดับมุก [23 พฤษภาคม 2555 14:52 น.]
- ฟลูออเรสเซนส์ในเพชรคืออะไร [23 พฤษภาคม 2555 14:52 น.]
- รูปทรงเพชรบอกนิสัย [23 พฤษภาคม 2555 14:52 น.]
- การทำความสะอาดเครื่องประดับ [23 พฤษภาคม 2555 14:52 น.]
- การเลือกซื้อเพชร [23 พฤษภาคม 2555 14:52 น.]
ดูทั้งหมด


Engine by MAKEWEBEASY